บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) จับมือหอการค้าไทย หนุนผู้ค้าออนไลน์ในสังกัดหอการค้าไทย ลดต้นทุนโลจิสติกส์ ด้วย “ส่วนลด 20% ส่งอีเอ็มเอสตลอดปี” ส่วนลดบริการส่งด่วนพิเศษ EMS ในประเทศทุกชิ้น ทุกพิกัดและทุกปลายทางแบบไม่จำกัดจำนวน เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการไทย เพียงนำหนังสือรับรองการเป็นสมาชิกฯ บัตรสมาชิกฯ มายืนยันตนต่อเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทุกครั้ง โดยสามารถใช้สิทธิได้ทุกที่ทำการฯ ทั่วไทย โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งเป็นเวลา 1 ปีเต็ม เริ่ม 1 ธันวาคม 2561 จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562

นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า ในโอกาสที่หอการค้าไทย ครบรอบ 85 ปี ไปรษณีย์ไทย ได้ร่วมแสดงความยินดี พร้อมมอบส่วนลดบริการส่งด่วนพิเศษ EMS ในประเทศทันที 20% สำหรับการส่งของทุกชิ้น ทุกพิกัด และทุกปลายทางแบบไม่จำกัดจำนวน แก่สมาชิกและเครือข่ายของหอการค้าไทยทุกราย เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะในธุรกิจออนไลน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และเผชิญกับคู่แข่งบริษัทข้ามชาติมากขึ้น

โดยสมาชิกหอการค้าไทย ทั้งสมาชิกในส่วนกรุงเทพ หรือส่วนภูมิภาค รวมถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สามารถขอรับส่วนลดดังกล่าวได้ทันที เพียงนำหนังสือรับรองการเป็นสมาชิกฯ บัตรสมาชิกฯ หรือบัตรนักศึกษาฯ อย่างใดอย่างหนึ่ง มาแสดงกับเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์บริการทุกครั้งที่ใช้บริการ โดยสิทธิพิเศษดังกล่าว สามารถใช้ได้กับที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศเป็นเวลา 1 ปีเต็ม เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2561 จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562

อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือระยะแรกระหว่างไปรษณีย์ไทยกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งจะมีการขยายความร่วมมือกันต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะบริการครบวงจรที่จะช่วยเติมเต็มการค้าอีคอมเมิร์ซแบบออฟไลน์ทูออนไลน์ ออนไลน์ทูออฟไลน์ (O2O eCommerce) เพื่อตอบโจทย์ทุกรูปแบบการค้าในโลกดิจิทัล ภายใต้แพลตฟอร์มของไปรษณีย์ไทยที่มีทั้งเครือข่ายไปรษณีย์ทั่วประเทศ และร้านออนไลน์ www.thailandpostmart.com ตลอดจนบริการการขนส่งรวมถึงกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกทั้งการแสดงตัวตนของสมาชิกนับแสนราย รวมถึงธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ให้มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันอีคอมเมิร์ซ มีบทบาทสำคัญในการทำให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายได้โดยตรง และรวดเร็ว ไร้ข้อจำกัดทั้งเรื่องของเวลาและสถานที่ ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการสามารถขยายตลาดได้อย่างรวดเร็ว และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางการค้า ที่ปัจจุบันต้องแข่งขันกันที่ความเร็วในการตอบสนองต่อความต้องการของตลาด โดยปัจจุบันการค้าออนไลน์ในประเทศไทย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสถิติเมื่อ ปี 2560 มีมูลค่า E-Commerce ประมาณ 2.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.86% จากปี 2559 และคาดการณ์ว่าภายในปี 2561 จะมีมูลค่า E-Commerce เพิ่มเป็น 3 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญของธุรกิจออนไลน์ประการหนึ่งคือเรื่องโลจิสติกส์ โดยเฉพาะการจัดส่งสินค้าไปยังผู้บริโภค ซึ่งยังเป็นต้นทุนที่สำคัญของผู้ประกอบการ และมีผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ

“หอการค้าไทย ได้เล็งเห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป มีการเข้าสู่โลกดิจิทัล และเปลี่ยนวิธีทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เคยทำในแบบออฟไลน์มาเป็นออนไลน์มากขึ้น จึงมุ่งส่งเสริมผู้ประกอบการไทย ในการใช้อีคอมเมิร์ซมากขึ้น เพื่อนำมาเป็นเครื่องมือในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างยั่งยืนต่อไป โดยสอดคล้องกับนโยบายหลักขององค์กรที่มุ่งขับเคลื่อน Trade & Services 4.0 ด้วยการใช้นวัตกรรม (Innovation) และความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) รวมทั้งการขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นจริง (Execution) ด้วยการพัฒนา และยกระดับความสามารถทางการแข่งขันให้แก่สมาชิกทั่วประเทศ โดยเฉพาะการค้าและการลงทุน ซึ่งเป็น 1 ใน 3 Value Chains หลัก (การค้าและการลงทุน เกษตรและอาหาร ท่องเที่ยวและบริการ)

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โทร. 0 2018 6888 ต่อ 4480 หรือ ฝ่ายขายและการตลาดไปรษณีย์ด่วนพิเศษ/โลจิสติกส์ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด โทร. 0 2831 3955 – 6 หรือ THP Contact Center 1545