บอร์ด BOI เห็นชอบส่งเสริมการลงทุนรวม 2 โครงการ มูลค่าเกือบ 12,000 ล้านบาท พร้อมทั้งเพิ่มสิทธิประโยชน์ภาษีให้กิจการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และกิจการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ บีโอไอ บอกภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บอร์ดบีโอไอ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้การส่งเสริมการลงทุนรวม 2โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 11,983 ล้านบาท ประกอบไปด้วย

บริษัทฮัทชิสัน แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด ได้รับการส่งเสริมขยายกิจการผลิตขนถ่ายสินค้าสำหรับเรือบรรทุกสินค้า เงินลงทุนทั้งสิ้น 7,214 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของท่าเรือแหลมฉบังในการรองรับตู้สินค้าเพิ่มขึ้น และส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการค้าและการขนส่งทางน้ำในภูมิภาคเอเชีย

บริษัทไทย ไลอ้อน เมนทารี จำกัด ได้รับการส่งเสริมขยายกิจการขนส่งทางอากาศ ครอบคลุมถึงการขนส่งผู้โดยสาร ขนส่งสินค้าพัสดุภัณฑ์และไปรษณียภัณฑ์ เงินลงทุนทั้งสิ้น 4,768 ล้านบาท โครงการนี้เป็นการให้บริการสายการบินราคาประหยัด เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว สนับสนุนอุตสาหกรรมการบินและเพิ่มศักยภาพให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินอาเซียน

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้มีการเปิดประเภทกิจการใหม่ คือ กิจการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อสนับสนุนให้เกิดการลงทุนโครงข่ายการสื่อสารผ่านเคเบิลใต้น้ำ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนเส้นทางน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และหากมีการลงทุนเพิ่มโครงข่ายมากขึ้น จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการให้บริการระบบอินเตอร์เน็ต และช่วยให้ประชาชนเข้าถึงและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบให้เพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีในกลุ่มกิจการต่างๆ ที่มีระดับเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง หรือ มีขั้นตอนการพัฒนาและออกแบบเช่น กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีระดับเทคโนโลยีขั้นสูง หรือมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ รวมทั้งเพิ่มสิทธิประโยชน์แก่กิจการนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตอุตสาหกรรม เนื่องจากเป็นกิจการที่ช่วยจัดระเบียบพื้นที่อุตสาหกรรม ช่วยดูแลด้านสิ่งแวดล้อม

เลขาธิการบีโอไอ บอกด้วยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้บีโอไอขยายเวลานโยบายส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษออกไปอีก 1 ปี จากเดิมที่จะสิ้นสุดในสิ้นปีนี้ ให้มีผลถึงสิ้นปี 2561 เพื่อเป็นการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ชายแดนมากขึ้น และสอดคล้องกับแผนการพัฒนาเขตอุตสาหกรรมในพื้นที่ชายแดน