บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จํากัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผย ผลการดําเนินงานที่ดีขึ้น ในไตรมาสที่ 2/2560 ( 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2560) โดยบริษัทฯ มีผลกําไรจากการดําเนินงานก่อน ดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสือม่ ราคา และค่าตัดจําหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้น ร้อยละ 58 จากไตรมาสแรก และร้อยละ 12 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 อีกทั้งยังมีงบดุลและฐานะทางการเงินทีมั่นคง เนื่องจากมีเงินสดและเงินลงทุนในระยะสั้นสูงถึง 7,600 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2560 แนวโน้มขาขึ้นของอัตราค่าระวางเรือส่งผลให้กําไรสุทธิส่วนทีเป็นของ TTA ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสที่ 2/2560 เป็น 214.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 146 จากไตรมาสแรก และเพิ่มขึ้นร้อยละ 801 จากไตรมาสที่ 2/2559
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า “แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายจากภาวะตลาดที่ผันผัวนและเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังคาดการณ์ไม่ได้ TTA ยังคงมี สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ขณะที่บริษัทหลายแห่งประสบปัญหาทางการเงิน จะเห็นได้ว่า TTA สามารถจ่ายคืนหุ้นกู้กว่า สองพันล้านบาทได้ตรงเวลา ประจวบกับภาวะตลาดขนส่งสินค้าทางเรือและอัตราค่าระวางเรือฟื้ นตัว ทําให้ธุรกิจใน TTA Group กลับมาสดใสอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจชิปปิ้ง ที่ดัชนีบอลติค (BDI) ได้ปรับตัวขึ้นจากระดับตํ่าสุดในรอบ 30 ปี ในเดือน กุมภาพันธ์ 2559 ที่ระดับ 290 จุด มาอยู่ที่ค่าเฉลี่ย 1,006 จุด ในไตรมาสที่ 2/2560 กลุ่มธุรกิจชิปปิ้งสามารถพลิกกลับมามีกําไร อย่างต่อเนื่องในปีนี้ และได้ซื้อเรือมือสองเพิ่มจํานวน 2 ลําในเดือนพฤษภาคมและกรกฎาคม ในราคา 7.9 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 13.0 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดอายุของกองเรือ ในขณะที่ กลุ่มเมอร์เมดมีผลการดําเนินงานที่ดี ซึ่งรับอานิสงค์จาก บริษัทร่วมที่เมอร์เมด ถือหุ้นอยู่ ได้รับความไว้วางใจจาก จากลูกค้า ที่ ตกลงต่อสัญญาว่าจ้างเรือขุดเจาะ แบบสามขาทั้งส ามลําของบริษัทฯ ( AOD I, AOD II และ AOD III) ออกไปอีก 3 ปี ซึ่งจะหมดสัญญาในปี 2562 สําหรับผลการดําเนินงานของบริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) นั้น ยังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม ซึ่งเห็นได้ชัด ว่าธุรกิจปุ๋ยและธุรกิจให้บริการเช่าพื้นที่โรงงานเพื่อเก็บสินค้ ามีการเติบโตที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก สําหรับ บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จํากัด (มหาชน) หรือ UMS นั้น ได้รายงานปริมาณการขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมา
ในไตรมาสที่ 2/2560 อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยของ กลุ่มโทรีเซน ชิปปิ้ง อยู่ที่ 8,614 เหรียญสหรัฐต่อวัน ซึ่งมากกว่าอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยของเรือ Supramax ที่ 8,602 เหรียญสหรัฐต่อวัน อัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยในไตรมาสที่ 2/2560 นี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จากไตรมาสแรก ส่วนค่าใช้จ่ายใน การดําเนินงานที่เป็นเงินสดอยู่ที่ระดับ 5,064 เหรียญสหรัฐต่อวัน ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 7 จากไตรมาสแรก แต่ยังคงอยู่ในระดับ ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือที่กลุ่มโทรีเซน ชิปปิ้ง เป็นเจ้าของ ยังคงอยู่ในระดับสูง ที่ร้อยละ 98 ตามแผนปรับปรุงกองเรือเพื่อพัฒนากองเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองให้มีความทันสมัยและได้มาตรฐานและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การดําเนินงาน กลุ่มโทรีเซน ชิปปิ้ง จึงทําการขายเรือ ไปจํานวน 1 ลํา คือ เรือ M.V. Thor Harmony ขนาด 47,111 DWT ในเดือนเมษายน 2560 แต่ได้ซื้อเรือ M.V. Thor Future ขนาด 54,170 DWT และ เรือ M.V. Thor Confidence ซึ่งมีขนาด 58,781 DWT เข้ามาเสริมกองเรือในเดือนพฤษภาคมและเดือนกรกฏาคม 2560 ตามลําดับ ทั้งนี้ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2560 TSG เป็นเจ้าของเรือ จํานวน 20 ลํา โดยมีระวางบรรทุกเฉลี่ยเท่ากับ 52,908 DWT และมีอายุ เฉลี่ย 11.93 ปีและหลังจากได้รับมอบเรือลําล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2560 แล้วนั้น TSG เป็นเจ้าของเรือ จํานวน 21 ลํา มีระวางบรรทุกเฉลี่ยเท่ากับ 53,188 DWT และมีอายุเฉลี่ย 11.82 ปี โดยสรุป ในไตรมาสที่ 2/2560 กลุ่มโทรีเซน ชิปปิ้ง มีผลกําไรจากการดําเนินงานก่อน ดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัด จําหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 226.9 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก ร้อยละ 29 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 7184 จากช่วงเวลา เดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมา และมีผลกําไรสุทธิอยู่ที่ 95.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 148 จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา