ปัจจุบัน บริษัทเจรจากับพันธมิตร 2-3 ราย ในประเทศจีนและฮ่องกง คาดว่าจะมีความชัดเจนการเข้าลงทุนภายในปีนี้ ซึ่งบริษัทฯได้เตรียมความพร้อมด้านเงินลงทุนไว้แล้ว โดยบริษัทมีกระแสเงินสดในมือกว่า 100 ล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เพียง 0.2 เท่า ซึ่งบริษัทได้เจรจาในเบื้องต้นกับสถาบันทางการเงินไว้บางส่วนเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้บริษัทฯยังคงมั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ไม่ต่ำกว่า 1,300 ล้านบาท หรือเติบโต 30% จากปีก่อน ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 24 ปี โดยแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/60 จะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/60 โดยธุรกิจนำเข้าและส่งออกในอุตสาหกรรมต่างๆมีปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ ที่เป็นลูกค้าหลักของบริษัทฯ
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ประกอบกับบริษัทได้ลูกค้าใหม่จากจีนเป็นผู้ผลิตแผงโซลลาร์เซลล์ที่ย้ายฐานการผลิตเข้ามายังประเทศไทย โดยมีมูลค่างานราว 60 ล้านบาท และจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ลูกค้าเดิมก็มีปริมาณงานเพิ่มขึ้นด้วย
นายชูเดช กล่าวอีกว่า บริษัทยังมั่นใจว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 8-9% จากปีก่อนอยู่ที่ 7.45% แม้ว่าไตรมาส 1/60 จะทำได้เพียง 7.32% เนื่องจากในปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จาก SEL เข้ามาเต็มที่ราว 330 ล้านบาท และคาดว่าสัดส่วนรายได้จากบริการขนส่งทางอากาศ (Air Freight) จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 45% จากปีก่อนที่ 25% ซึ่งรายได้จาก Air Freight มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 30-35% มากกว่าการขนส่งทางเรือ (Sea Freight) ที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 25% และการให้บริการโลจิสติกส์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 15-20%
“แนวโน้มผลประกอบการทั้งปีเรายังคงมั่นใจว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยช่วงไฮซีซั่นของบริษัทฯจะอยู่ในช่วงไตรมาส 3 เป็นหลัก โดยอุตสาหกรรมต่างๆทั้งในและต่างประเทศมีแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับจากโครงการแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastem Economics Corridor) หรือ EEC จะส่งผลให้ธุรกิจโลจิสติกส์ในเขตพื้นที่ดังกล่าวมีการขยายตัวอย่างมากในอนาคต และส่งผลดีต่อธุรกิจของ WICE ด้วยเช่นกัน”นายชูเดช กล่าว