นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อาม่า มารีน (AMA) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้บริษัทคาดว่าผลประกอบการโดยรวมจะมีทิศทางที่ดีขึ้นจากในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากบริษัทจะสามารถรับรู้รายได้ของการให้บริการกองเรือขนส่งได้ครบทุกลำ และยังคงเดินหน้าในการขยายกองเรือ และรถขนส่งอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจโลจิสติกส์ อยู่ 2-3 ราย ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยผลักดันให้ผลประกอบการของบริษัทฯและเพิ่มความหลากหลายของธุรกิจมากขึ้น โดยบริษัทฯคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีนี้ 1 ราย

“บริษัทฯมองแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกเนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นการขนส่ง โดยธุรกิจการขนส่งสินค้าทางเรือจะดีขึ้นในไตรมาส 3 และ 4/60 ซึ่งบริษัทมีสัญญาขนส่งน้ำมันปาล์มยาวไปถึงเดือนต.ค.นี้ โดยเฉพาะที่พม่า เวียดนาม และ ฟิลิปปินส์ ที่มีการเติบโต ในขณะที่ธุรกิจการขนส่งสินค้าทางรถจะลดลงในไตรมาส 3/60 หลังเข้าสู่ฤดูฝน และ มีปัญหาน้ำท่วมในบางพื้นที่ส่งผลให้ธุรกิจดังกล่าวชะลอลง แต่เชื่อว่าในไตรมาส 4/60 ทั้ง 2 ธุรกิจจะมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯมั่นใจเป้ารายได้ปีจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% จากปีก่อน”นายพิศาล กล่าว อนึ่ง ปี 59 มีรายได้จากการให้บริการขนส่งสินค้า 965.49 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทฯ มีกองเรือขนส่งรวม 10 ลำ มีน้ำหนักบรรทุกรวม 82,981 เดทเวทตัน สามารถรองรับความต้องการขนส่งน้ำมันพืชสำหรับบริโภคของผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกที่อยู่ในภูมิภาคเอเชีย เพื่อขนส่งไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียน และภูมิภาคเอเชียตะวันออก เช่น จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น รวมถึงภูมิภาคเอเชียใต้ เช่น อินเดีย ศรีลังกา และบังคลาเทศ ซึ่งประเทศในกลุ่มดังกล่าวคาดการณ์ว่ามีความต้องการบริโภคน้ำมันพืชที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนจะเพิ่มจำนวนรถขนส่งเป็น 170-180 คันภายในสิ้นปี 60 เพื่อรองรับการขนส่งน้ำมันในประเทศ ที่บริษัทฯได้รับสัญญาการขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้น จาก ณ สิ้นสุดไตรมาสที่ 2 ที่บริษัทฯ มีกองรถบรรทุกจำนวน 125 คัน ปริมาณบรรทุกรวม 5.62 ล้านลิตร ส่งผลให้บริษัทฯ ยังคงเป้ารายในปีนี้จะแตะที่ระดับ 1,500 ล้านบาท สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

“ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้กองเรือของบริษัทจำนวน 10 ลำ ซึ่งรวมเรือลำใหม่ที่รับมอบมาในเดือนสิงหาคมจะสามารถให้บริการได้ครบทุกลำ และเรายังคงเดินหน้าเพิ่มกองรถบรรทุกน้ำมัน เพื่อเสริมความสามารถในการทำรายได้ให้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหากเราสามารถสร้างรายได้ให้เติบโตตามเป้าหมาย จะเป็นการทำรายได้สูงที่สุดเท่าที่เคยทำมาอีกด้วย” นายพิศาล กล่าว

ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทฯประจำไตรมาส 2/60 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 30.69 ล้านบาท ในขณะที่ที่บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการให้บริการขนส่งสินค้า อยู่ที่ 336.46 ล้านบาท

นายพิศาล กล่าวว่า บริษัทฯยังคงตั้งเป้าที่จะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น (Gross profit margin) ปีนี้จะรักษาให้ไม่ให้ต่ำ ที่ 25% จากไตรมาส 2/60 อยู่ที่ 28% โดยจะมาจากธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือเป็นหลัก เนื่องจากให้มาร์จิ้นที่สูงกว่าธุรกิจขนส่งสินค้าทางรถ