บริษัท ชัยอนันต์ โลจิสติกส์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนไทย-พม่า ผ่านด่านแม่สอด สั่งซื้อรถหัวลากวอลโว่ ทรัคส์ รุ่น FH13 440 แรงม้า จำนวน 60 คันเพื่อทดแทนฝูงรถปัจจุบันจำนวน 40 คัน ที่มีอายุการใช้งานมานาน 5 ปี และเพิ่มอีก 20 คันเพื่อรองรับแผนขยายงาน
นายอนันต์ เกษมเศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ชัยอนันต์ โลจิสติกส์ จำกัด เปิดเผยว่านับจากการก่อตั้งบริษัทฯ เมื่อปี 2553 บริษัทฯ ได้สร้างกองรถที่เป็นรถบรรทุกวอลโว่ ทรัคส์ ทั้งหมดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าบริษัทฯ จะสามารถรับขนส่งสินค้าของลูกค้าทุกรายไปถึงเป้าหมายได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้เพราะเส้นทางขนส่งสินค้าจากภาคกลางและกรุงเทพมหานครข้ามไปยังชายแดนพม่าผ่านด่านชายแดนแม่สอด จังหวัดตากนั้น เป็นเส้นทางขึ้นเขาที่มีความชันและทางโค้งตลอดเส้นทางนับจากเข้าสู่จังหวัดตาก จึงทำให้บริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงการสร้างความแตกต่างระหว่างบริษัทฯ กับคู่แข่งด้วยการใช้รถที่มีประสิทธิภาพสูงที่จัดเต็มด้วยอุปกรณ์ไฮเทคเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของพนักงานขับรถและทรัพย์สินอันมีค่าของลูกค้าทั้งเที่ยวขาขึ้นและขาล่อง
“ผมได้ทดลองรถหลายยี่ห้อแล้ว สุดท้ายผมมั่นใจในรถวอลโว่ ทรัคส์ ผมจึงตัดสินใจตั้งแต่วันแรกของการดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัท ชัยอนันต์ โลจิสติกส์ จำกัด ว่าจะต้องนำรถที่มีประสิทธิภาพสูงมาให้บริการแก่ลูกค้าเรา ซึ่งลูกค้าของเรามั่นใจมากเมื่อเห็นว่าทั้งกองรถของเราเป็นรถวอลโว่ ทรัคส์ ทำให้เขาอุ่นใจว่าสินค้าที่รับขนให้กับเขานั้น จะปลอดภัยและถูกจัดส่งไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างเรียบร้อย” นายอนันต์ กล่าว
บริษัท ชัยอนันต์ โลจิสติกส์ จำกัด ก่อตั้งโดยบริษัท ชัยอนันต์ การเกษตร จำกัด ซึ่งบริษัทแม่ดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 โดยรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรและขนส่งไปยังโรงงานที่ใช้พืชผลทางการเกษตรเป็นวัตถุดิบทั่วภาคกลาง รวมไปถึงกรุงเทพมหานครและสมุทรปราการ โดยใช้รถบรรทุกหลากหลายยี่ห้อ
ต่อมา เมื่อการค้าชายแดนไทย-พม่าผ่านด่านแม่สอด ได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลในกลุ่มประเทศ AEC ได้กำหนดนโยบายร่วมกันที่จะขยายการค้าระหว่างกันให้สะดวกมากยิ่งขึ้น จึงทำให้บริษัทแม่ตัดสินใจจัดตั้งบริษัท ชัยอนันต์ โลจิสติกส์ เพื่อบุกเบิกการขนส่งสินค้าข้ามแดนอย่างจริงจัง
นายอนันต์ กล่าวว่าในขณะเดียวกัน รัฐบาลปัจจุบันที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เร่งเดินหน้าการก่อสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ดำเนินการมาหลายรัฐบาล และขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการผลักดันนโยบายนี้ให้เกิดขึ้น จึงทำให้บริษัทฯ มีความมั่นใจที่จะขยายกองรถจากปัจจุบันที่มีอยู่ 40 คันมาเป็น 60 คัน โดยล่าสุดได้สั่งซื้อรถวอลโว่ ทรัคส์ รุ่น FH13 440 แรงม้า จำนวน 60 คัน โดย 40 คันแรกเป็นการทดแทนกองรถปัจจุบันที่เริ่มทยอยปลดระวางเนื่องจากอายุการใช้งานครบกำหนดมาตรฐานของบริษัทฯ และอีก 20 คัน เป็นการรองรับแผนการขยายงาน โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีการรับมอบรถใหม่จำนวน 20 คัน ส่วนที่เหลืออีก 40 คัน จะทยอยรับให้ครบภายในปีนี้
“ในขณะนี้ เรามีพันธมิตรจำนวนมากที่ต้องการให้เราขนผลผลิตทางการเกษตรมายังกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น ๆ ในภาคกลางเพื่อป้อนให้กับโรงงานต่าง ๆ ขณะเดียวกัน ในเที่ยวขากลับแม่สอด เรามีคำสั่งซื้อบริการขนส่งสินค้าจากโรงงานต่าง ๆ จำนวนมากไปยังชายแดนไทย-พม่าผ่านด่านชายแดนแม่สอด ลูกค้าบางรายให้เราขนสินค้าข้ามไปยังพม่า ทำให้เราจำเป็นต้องใช้รถที่มีคุณภาพสูงเพื่อการขนส่งสินค้าอย่างปลอดภัยและรถที่มีคุณภาพสูงจะมีข้อได้เปรียบในการขนสินค้าข้ามแดนเนื่องจากระเบียบของรัฐบาลพม่าที่เข้มงวดกับคุณภาพรถขนส่งสินค้าข้ามแดนจากประเทศไทยไปยังพม่า” นายอนันต์ กล่าว
นายอนันต์ กล่าวถึงข้อดีของการใช้รถวอลโว่ ทรัคส์ ในการให้บริการลูกค้าคืออุปกรณ์ที่ติดตั้งในรถบรรทุกวอลโว่ ทรัคส์ นั้น มีอุปกรณ์ทันสมัยและไฮเทค ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการผลักดันผู้ประกอบการขนส่งให้เข้าสู่ Logistics 4.0 คู่ขนานกับนโยบาย Thailand 4.0 ประกอบกับอุปกรณ์ที่ทันสมัยเหล่านี้ ถือเป็นส่วนสำคัญที่พนักงานขับรถตัดสินใจทำงานกับบริษัทฯ มาเป็นระยะเวลายาวนาน
“ต้องยอมรับครับว่าปัจจุบันคนขับรถหายากมาก เราจึงต้องรักษาพวกเขาให้อยู่กับเราให้นาน รถที่พวกเขาขับ ถือเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญสูงต่อการตัดสินใจทำงาน เมื่อพวกเขาขับรถวอลโว่ ทรัคส์ แล้ว พวกเขาไม่อยากจะไปขับรถยี่ห้ออื่นเลยเพราะความมั่นใจในสมรรถนะของรถ ทำให้เขาเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะปลอดภัยเมื่ออยู่หลังพวงมาลัยรถวอลโว่ ทรัคส์” นายอนันต์ กล่าว